องค์ความรู้
เรื่องเล่า (เรียน) จากแผงไข่
“ใช้แผงไข่สอนเรื่องเศษส่วน” คณิตศาสตร์แบบ Open Approach ที่ ครูสุภาพร กฤตยากรนุพงศ์ หรือ “ครูสุ” โรงเรียนเพลินพัฒนา ใช้โจทย์สถานการณ์ ปัญหาปลายเปิดในการขับเคลื่อนกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยผู้เรียนเป็นผู้นำเสนอวิธีการแก้ปัญหาของตน เพื่อเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในชั้นเรียน เพื่อเรียนรู้วิธีการคิดและวีธีการทำความเข้าใจทั้งของตนเองและของผู้อื่นร่วมกัน แล้วกระบวนการแบบนี้ คุณครูจะมีบทบาทอย่างไร
เรื่องเล่า (เรียน) จากแผงไข่
.
คือ สื่อการสอนของวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่ง ครูสุภาพร กฤตยากรนุพงศ์ หรือ “ครูสุ” โรงเรียนเพลินพัฒนา ได้พัฒนาจากแผนการสอนในปีการศึกษา 2558 มาจนกระทั่งปัจจุบัน
.
ซึ่งในภาควิมังสา ปี 2559 มีการเรียนรู้เรื่องของเศษส่วน เป็นการเปรียบเทียบเศษส่วน ซึ่งเด็ก ๆ ได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรม สังเกต และลงมือทำ โดย Concept ที่เด็กต้องรู้ คือ รู้จักเศษส่วน ความหมายเศษส่วน อ่านค่าเศษส่วนได้ แรเงาเศษส่วนได้ โดยความรู้ใหม่ที่คุณครูสุต้องการให้เด็ก ๆ บรรลุเป้าหมายการเรียนรู้ในครั้งนี้ คือ “การเปรียบเทียบเศษส่วน”
บทบาทครูโค้ชในกระบวนการสอน
.
ก่อนการเรียนรู้
- ตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ของเด็ก
- ออกแบบการสอนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
- ให้ครูรุ่นน้องได้ทดลองใช้แผงไข่ในการสร้างการเรียนรู้ของครู ก่อนนำไปสร้างการเรียนรู้กับเด็ก
- ครูตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะพาเด็กไปถึงไหน และมีการประเมินเป้าหมายระหว่างทางว่าเด็กไปถึงจุดไหนแล้ว
ขณะทำการเรียนรู้
- เช็คความรู้เดิมของเด็ก (Met Before)
- พาเด็กเรียนรู้ด้วยการลงมือทำ สัมผัส
- ครูให้โจทย์/คำถามเพื่อเช็คความเข้าใจ
- ครูประเมินและสังเกตการเรียนรู้ของเด็ก
- เพิ่มความท้าทาย ให้เหมาะกับ Learning Ability ของเด็ก / ครูให้โจทย์สถานการณ์
- ให้โจทย์เพื่อเช็คความเข้าใจใหม่
- ครูประเมินและสังเกตการเรียนรู้ของเด็ก ไม่ตัดสินว่าผิด
- ครูให้เด็กเรียนรู้ไต่ไปตามความสามารถในการเรียนรู้ของตัวเอง
- สร้างพื้นที่การเรียนรู้ร่วมกันของเด็ก
- ให้เด็กสรุปการเรียนรู้ของตัวเอง
- ใช้คำถามชวนเด็กคิด
- เลือกเด็กที่สังเกตแล้วว่าสามารถอธิบายสิ่งที่ตัวเองเรียนรู้ให้เพื่อนเข้าใจได้
หลังการเรียนรู้
- ครูทบทวนการเรียนรู้ของตัวเอง
- บันทึกพฤติกรรมและการเรียนรู้ของเด็ก
- มีการประชุมเพื่อแชร์ความรู้กีบทีมงานทุกสัปดาห์ในวง KM (Knowledge Management)
- พัฒนาแผนการสอนของตัวเอง
- ทุกสิ้นปีการศึกษามีการนำบันทึกทั้งหมดมาประเมิน เพื่อพัฒนาแผนการสอนในปีถัดไป
- ครูเพิ่มศักยภาพของตัวเอง เพื่อพัฒนาสื่อการสอนในปีถัดไป
จากความรู้สู่การปฏิบัติ
.
จากเรื่องเล่ากระบวนการออกแบบการเรียนรู้ การใช้ “แผงไข่” เป็นสื่อการเรียนการสอนเรื่อง “เศษส่วน” หากเชื่อมโยงกับสาระในหนังสือ “ครูเพื่อศิษย์ สร้างการเรียนรู้สู่ระดับเชื่อมโยง” โดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช แปลและเรียบเรียงไว้ จะเห็นบทบาทครูที่เชื่อมโยงใน 3 บท คือ บทที่ 2 หลักของการเรียนอย่างประจักษ์ชัด, บทที่ 3 ปูพื้นฐานสู่การเรียนรู้ระดับสูง และ บทที่ 6 การเรียนรู้ระดับลึก
.
ในส่วน บทที่ 2 หลักของการเรียนอย่างประจักษ์ชัด สาระในบทนี้สื่อถึงวิธีการเรียนรู้ที่ประจักษ์ชัดใน 2 มุม คือ มุมนักเรียน ที่เรียนอย่างชัดเจนในเป้าหมาย ในความก้าวหน้าของตน ทั้งในการเรียนวิชาและวิธีเรียน และในมุมของครู ที่สอนอย่างประจักษ์ชัดในผลที่เกิดขึ้นกับนักเรียน โดยใช้การกระตุ้นสายตาของนักเรียนด้วยเป้าหมายการเรียน เพื่อช่วยให้นักเรียนเรียนรู้อย่างมีเป้าหมายอยู่ตลอดเวลา
ครูที่ทำให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้อย่างประจักษ์ชัด (Visible Learning) อันได้แก่ 1. ความก้าวหน้าในผลลัพธ์จากการเรียนรู้ที่วัดได้ 2. มีความชัดเจนและเห็นคุณค่าต่อเป้าหมายการเรียนรู้ของตน 3. ตระหนักในวิธีการเรียนของตน และ 4. รู้จักปรับปรุงวิธีการเรียนรู้ของตนเองได้ ซึ่งเราอาจเรียกว่า “ครูดี” คือ ครูที่มุ่งมั่นทำงานเพื่อการเรียนรู้ของศิษย์ หรือ “ครูเพื่อศิษย์” นั่นเอง
.
โดย ครูสุภาพร กฤตยากรนุพงศ์ (ครูสุ) มีบทบาททำให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้อย่างประจักษ์ชัด ดังนี้
- มองเห็นการเรียนรู้ของเด็ก
จากเรื่องเล่า ครูสุ มีการสังเกตและประเมินนักเรียนขณะกำลังสร้างการเรียนรู้และทรรศนะของเด็ก
- สนับสนุนให้เด็กบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้ที่ตั้งไว้
เป้าหมายการเรียนรู้ที่ตั้งไว้ในภาคการเรียนนี้ คือ การพัฒนาการเรียนคณิตศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เรื่องการเปรียบเทียบเศษส่วนด้วยการใช้แผงไข่ จากเรื่องเล่า ครูสุ ได้ออกแบบการเรียนรู้ที่ไต่ระดับ (Scaffolding) ที่อิงกับความรู้สะสม (Met before) ที่เด็กมีอยู่ โดยระหว่างกระบวนการลงมือปฏิบัติของผู้เรียน ครูสุจะกระตุ้นให้เด็กสังเกต วิเคราะห์ เปรียบเทียบ เพื่อทบทวนการเรียนรู้ของตัวเองนำไปสู่การทดลองแก้ปัญหาเองใหม่ จนสามารถบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
- ทำให้เด็กมองเห็นการเรียนรู้ของตนเองและของผู้อื่น
จากเรื่องเล่า ครูสุ ใช้การยกตัวอย่างแผงไข่ของกลุ่มที่ทำถูกต้องขึ้นมาให้กลุ่มที่ทำผิดสังเกต วิเคระห์ กระบวนการนี้ทำให้เด็กได้ทบทวนและมองเห็นการเรียนรู้ของตนเอง รวมถึงของเพื่อนกลุ่มอื่นด้วยเช่นกัน
- สร้างการเรียนรู้ที่สนุกสนานและมีความสุข
จากเรื่องเล่า ครูสุใช้การเรียนแบบลงมือปฏิบัติด้วยสื่อที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เช่น การแบ่งกลุ่มเพื่อทำภารกิจตักไข่ให้ได้เศษส่วนตามโจทย์ที่กำหนด เป็นการสร้างการเรียนให้สนุกสนานยิ่งขึ้น ผนวกกับการเพิ่มความท้าทายของโจทย์การเรียนเศษส่วน เช่น การให้แบ่งไข่เป็นครึ่งหนึ่งของถาดซึ่งมีวิธีการมากกว่า 1 วิธี หรือ การชวนเด็ก ๆ ให้แชร์วิธีการพิชิตโจทย์เศษส่วนที่ครูสุตั้งขึ้น เป็นต้น
อ้างอิงจาก หนังสือ “ครูเพื่อศิษย์ สร้างการเรียนรู้สู่ระดับเชื่อมโยง” บทที่ 3 ปูพื้นฐานสู่การเรียนรู้ระดับสูง โดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ใจความโดยสรุปกล่าวไว้ว่า “นักเรียนจะเกิดการเรียนรู้ระดับสูง ต้องไต่ระดับการเรียนรู้ระดับผิว ระดับลึก และเรียนเพื่อเอาไปใช้ในสถานการณ์อื่น ๆ ได้ โดยการเรียนการสอนต้องมีความท้าทาย ช่วยให้นักเรียนบรรลุเป้าหมายได้ด้วยตนเอง และมีเป้าหมายการเรียนรู้ โดยมีเกณฑ์บอกความสำเร็จ”
.
จากเรื่องเล่ากระบวนการออกแบบการเรียนรู้ การใช้ “แผงไข่” เป็นสื่อการเรียนการสอนเรื่อง “เศษส่วน” ของครูสุภาพร กฤตยากรนุพงศ์ (ครูสุ) มีบทบาทเชื่อมโยงกับสาระในหนังสือ ดังนี้
- ตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ของเด็กให้ชัดเจน
จากเรื่องเล่า ครูสุ มีการตั้งเป้าหมายการสอนชัดเจนว่าจะพาเด็กไปถึงจุดไหน และมีการตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ของเด็กชัดเจน โดยระหว่างการเรียนรู้ และหลังการเรียนรู้ สามารถประเมินได้ว่าระหว่างทางเด็กเรียนรู้ถึงจุดไหนแล้วด้วยกระบวนการสังเกตเด็กอย่างใกล้ชิด และการใช้เอกสารในการประเมินการเรียนรู้ของเด็ก
- สร้างความท้าทาย เพื่อให้เด็กสนุกไปกับการเรียน
ด้วยโจทย์สถานการ์ที่ให้เด็กเรียนรู้ไต่ไปตามความสามารถในการเรียนรู้ของตัวเอง โดยครูสังเกตการเรียนรู้ของเด็กระหว่างลงมือปฏิบัติว่าติดขัดจุดไหน เพื่อเข้าไปช้อนหรือกระตุ้นการเรียนรู้ให้ดำเนินต่อไปได้
- ให้คำแนะนำป้อนกลับ (Feedback) ที่ดี
ทั้งระหว่างทำกระบวนการ หรือหลังตรวจแบบฝึกหัด โดยมีการย่อยโจทย์ และใช้คำถามเพื่อกระตุ้นให้เด็กลงมือทำก่อน ทั้งนี้จะมีบันทึกพฤติกรรมและการเรียนรู้ของเด็กตลอดกระบวนการ
- กระตุ้นให้เด็กบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้ด้วยตนเอง
จากการลงมือทำและเปิดโอกาสให้เด็กได้ศึกษา เปรียบเทียบกระบวนการเรียนรู้ของคนอื่น โดยอาศัยคำแนะนำป้อนกลับ เพื่อให้เด็กเกิดการเรียนรู้การเรียนรู้ และปรับปรุงการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Metacognition) จากการตั้งคำถามของครูสุ เพื่อให้เด็กทวนความเข้าใจของตนเอง
จากเรื่องเล่ากระบวนการออกแบบการเรียนรู้ จากการใช้ “แผงไข่” เป็นสื่อการเรียนการสอนเรื่อง “เศษส่วน” หากเชื่อมโยงกับสาระในหนังสือ “ครูเพื่อศิษย์ สร้างการเรียนรู้สู่ระดับเชื่อมโยง” โดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช เห็นบทบาทของครูที่เชื่อมโยงในบทที่ 6 การเรียนรู้ระดับลึก ได้อย่างเด่นชัด
.
ซึ่งในบทที่ 6 การเรียนรู้ระดับลึก ใจความสำคัญ คือ ครูต้องมีทักษะในการหนุนการเรียนรู้ของเด็กให้เคลื่อนจากการเรียนระดับผิวไปสู่การเรียนระดับลึกในเวลาและโอกาสที่เหมาะสม ประเด็นสำคัญ คือ ครูต้องมีความเข้าใจว่า คำตอบต่อปัญหาหรือโจทย์ในเรื่องต่าง ๆ ไม่ได้มีคำตอบเดียว เมื่อคนเราเรียนรู้เพิ่มขึ้น คำตอบก็จะลึกซึ้งขึ้นและเชื่อมโยงกว้างยิ่งขึ้น คือการปลูกฝัง “กระบวนทัศน์พัฒนา” (Growth Mindset) นั่นเอง
.
โดย ครูสุภาพร กฤตยากรนุพงศ์ ได้มีบทบาทเพื่อสร้างการเรียนรู้ระดับลึกให้เกิดแก่ผู้เรียน ดังนี้
- จัดการให้เกิดการเรียนรู้อย่างเป็นลำดับ
จากเรื่องเล่า คุณครูมีการเช็คความรู้สะสมของเด็ก (MET Before) และการให้โจทย์ที่ซับซ้อนขึ้น คือ พื้นฐานความรู้เรื่องเศษส่วนไปสู่การเปรียบเทียบเศษส่วนที่ส่วนเท่ากัน และ เปรียบเทียบเศษส่วนที่ส่วนไม่เท่ากัน
- ออกแบบกิจกรรมให้เด็กได้ฝึกคิด แลกเปลี่ยนความคิดกับผู้อื่น
จากเรื่องเล่า คุณครูจะใช้การทำงานร่วมเพื่อแก้โจทย์ โดยการแบ่งเด็กออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละ 7 คน เพื่อตักไข่ให้ได้เศษส่วนตามโจทย์ ซึ่งการทำงานร่วมกันกับเพื่อน จัดเป็นเครื่องมือสู่การเรียนรู้ระดับที่ดีและง่ายที่สุดอย่างหนึ่ง
- สังเกตและเข้าใจในวิธีการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคนเพื่อหนุนให้เด็กสามารถพัฒนาตามศักยภาพตน
จากเรื่องเล่า คุณครูจะมีบทบาทย่ออยู่ 3 ส่วน คือ กระตุ้นให้เด็กเกิดการสังเกต วิเคราะห์ จากการแก้โจทย์ร่วมกับเพื่อน จากเรื่องเล่าครูสุได้ยกแผงไข่ของกลุ่มที่ทำถูกต้องขึ้นมา ให้กลุ่มที่ทำผิดสังเกต จนเห็นว่าทำไมกลุ่มของเขาถึงเรียงไม่เหมือนของเพื่อน แล้วกลับมาทบทวนเพื่อทำความเข้าใจ บทบาทถัดไปซึ่งถือว่ามีความสำคัญและมีความเฉพาะตัว คือ สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เด็ก ซึ่งครูสุจะไม่มีการชี้ชัดลงไปว่าเด็กกลุ่มนั้น คนนั้นทำผิด แต่จะให้ดูและสังเกตวิธีการจากกลุ่มที่ทำถูกต้อง ทำให้เด็กรู้สึกว่าการทำผิดเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเรียนรู้ของตนเอง และ กระตุ้นให้เด็กได้ทดลองแก้ปัญหาใหม่ เป็นบทบาทต่อเนื่องที่ครูสุใช้ความผิดพลาดของเด็กไปกระตุ้นการเรียนรู้ของเด็ก โดยกระตุ้นให้เกิดการสังเกต วิเคราะห์ เปรียบเทียบ จนกระทั่งเด็กได้ทดลองใหม่ จนสามารถบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง และเป็นการปรับปรุงวิธีเรียนของตน
เรียบเรียงข้อมูลจาก
.
โรงเรียนเพลินพัฒนา
